หน้าแรก / บทความที่น่าสนใจ
"นพ.ประสิทธิ์" เผยสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมมือ หากรัฐบาลผ่อนปรน มาตรการกึ่งล็อกดาวน์ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า เชื่อหลังปลดล็อก มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น กระทั่งถึงจุดหนึ่ง ต้องกลับสู่การควบคุมอีกครั้ง
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล วิเคราะห์สถานการณ์ “การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” ในประเทศไทย ประชาชนต้องร่วมมือกันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤติ COVID-19 อีกครั้ง หลังผ่อนปรนมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ – การเอาชนะ COVID-19 ด้วยยุทธการ ควบคุมและผ่อนผัน The Hammer and the Dance
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ เผยว่า ไทยถือเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่จัดการกับ ไวรัสโควิด-19 ค่อนข้างอยู่ ขณะเดียวกัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น กลับขยับไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่จัดการไม่ค่อยอยู่ ทั้งนี้ ในความคิดตน เกาหลีใต้ ถือว่าเป็นประเทศที่จัดการกับ ไวรัสโควิด-19 ได้ดีมาก แม้ก่อนหน้านี้จะพบซูเปอร์ สเปรดเดอร์ อัตราการเกิดใหม่เป็นตัวเลขหลักเดียว คนเสียชีวิตก็น้อยมาก เช่นเดียวกับประเทศไทย
ขณะที่ในประเทศไทย ข้อมูลจนถึงวันที่ 26 เม.ย.63 มีผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. ก่อนที่จะดีดกลับมาพบผู้ป่วยมากขึ้น เป็นแรงงานต่างด้าวในศูนย์กักกัน แต่เราก็สามารถคุมได้ เนื่องจากแรงงานเหล่านี้ ไม่ได้ออกมาด้านนอก
สำหรับยุทธศาสตร์ที่เราวางไว้จะเห็นว่า จำนวนผู้ป่วยในขณะนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ชัดเจน เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. เป็นต้นมา เรามีจำนวนผู้ป่วยที่หายกลับบ้าน มากกว่าจำนวนผู้ป่วยใหม่ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดที่ เราน่าจะเข้าสู่มาตรการผ่อนคลายต่างๆ ซึ่งก่อนหน้าผู้ป่วยใหม่ที่เราพบ คือ ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยก่อนหน้า ทำงานในพื้นที่เสี่ยง ฯลฯ ทั้งหมดนี้ จึงนำมาประกอบ เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ผ่อนคลาย
ในต่างประเทศจะเรียกว่า "The Hammer" and "The Dance" คือการทุบด้วยค้อน แล้วเปิดให้ฟ้อนรำ หมายความว่า ค้อน คือการควบคุม ฟ้อนรำ คือการผ่อนผัน หรือผ่อนคลาย เป็นยุทธศาสตร์ที่หลายประเทศนำมาใช้ แต่การดำเนินการต่างๆ อาจจะต่างกันบ้าง
ยุทธศาสตร์นี้ เริ่มจากเมื่อมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ทำอะไร ผู้ป่วยใหม่ก็อาจจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเราใช้มาตรการอะไรสักอย่าง เพื่อควบคุม ก็จะทำให้ผู้ป่วยใหม่มีจำนวนลดลง รวมถึงผู้ป่วยที่จะเปลี่ยนไปเป็นผู้ป่วยหนัก ก็จะลดลงไปด้วย ซึ่งผู้ป่วยโควิด-19 ใน 100 ราย พบว่า 80 ราย มีอาการน้อยมาก หรือไม่มีอาการ 20 ราย มีอาการที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา และ 5 ใน 20 ราย มีอาการหนัก ถึงขั้นต้องเข้า ICU ต้องใช้เครื่องหายใจ
การทุบด้วยค้อน ก็คือ การออกมาตรการจำเป็นต่างๆ และได้รับความร่วมมือจากคนในประเทศ ทำให้จำนวนผู้ป่วยลดลง จนถึงระดับหนึ่ง ก็จะเข้าสู่โหมดที่ 2 ที่เรียกว่า "The Dance" หรือ การฟ้อนรำ ซึ่งก็คือ การผ่อนคลาย
ทั้งนี้ยุทธศาสตร์การทุบด้วยค้อน กำหนดไว้ว่า ไม่ควรทำนานเป็นเดือน หลายเดือน ควรทำเป็นสัปดาห์ เพราะสิ่งที่แลกมาคือ เศรษฐกิจ คนจำนวนหนึ่ง อาจต้องขาดงาน ไม่มีรายได้ ขณะเดียวกัน คนที่อยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปสังสรรค์ก็จะมีความตึงเครียด เมื่อถึงจุดหนึ่ง อาจจะรับไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องหาความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม
ดูหลักเกณฑ์อะไรบ้าง
ซึ่งหลังจากที่ 4 ข้อนี้ บรรลุแล้ว ก็จะเข้าสู่การผ่อนคลายมาตรการบางอย่างลง แต่หากผ่อนคลายแล้ว พบว่า ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ก็อาจจะต้องกลับมาลงค้อน หรือควบคุม เป็นครั้งที่ 2 ก่อนจะเกิดวิกฤติอีก
ที่ผ่านมา มีการประเมิน จากมาตรการต่างๆ ดังนี้
การลดการแพร่กระจายของเชื้อ
ซึ่งจากการประเมินมาตรการทั้งหมดนั้น วันนี้กำลังกำหนดแนวทางต่างๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการผ่อนคลาย หรือ The Dance แต่เมื่อไหร่ที่เข้าสู่มาตรการผ่อนคลาย จะมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น เพราะคนที่มีเชื้ออยู่ แล้วไม่รู้ตัว เมื่อออกมานอกบ้าน ก็อาจจะติดเชื้อมากขึ้น แต่จำนวนจะไม่ชันเหมือนช่วงแรกๆ และเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ที่มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจะต้องตัดสินใจ กลับมาใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการผ่อนปรน และจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งทุกคนจะต้องช่วยกัน
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ผ่านจุดควบคุม เข้าสู่โหมดผ่อนคลาย
ทั้งนี้ ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะผิดพลาดที่จุดใดจุดหนึ่ง อาจกระทบกับทั้งประเทศ เพื่อความสมดุลของสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม
ที่มาจาก เฟซบุ๊ก IPTV Mahidol University